วันจันทร์ที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

โอ้!หลีเป๊ะแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส...ตอนจบ

สาธุ

เวลาเช้าเช่นนี้ก็หมุนเวียนมาเหมือนทุกวันนะครับ สิ่งต่างๆเริ่มเคลื่อนไหวทำหน้าที่ของตนต่อไป วันนี้เองที่ผมได้เดินเล่นหน้าหาด เรื่อยๆมาเรียงๆ รู้ตัวอีกทีก็ไปจนถึงกลางหาดเลยนะครับ ในที่นี้หมายถึง หากน้ำทะเลขึ้น ผมก็จะยืนอยู่กลางทะเลเลยทีเดียว และที่พลาดมากๆเลยก็คือ ผมลืมถ่ายปลานีโม มาให้ดูล่ะ(จากหน้าหาดน่ะ)เซ็งปลา!!!(ไม่เอาเซ็งเป็ดอ่ะ) เดินไปเดินมาก็เห็นปลาดาวกับหอยเม่นเยอะแยะไปหมดเลยครับ ดีจริงๆ

ยามเช้าเช่นเคย


รองานเข้า


ดาวมงกุฏหนามป่าว?


ดาว...หน้าหาด


หอยมือเสือ


หอยพู่ฉัตร

หลังจากเดินเล่นอยู่คนเดียวได้ไม่นาน ภายใต้ท้องฟ้าไม่เป็นใจ เพราะเมฆมากเหลือเกิน(เมื่อคืนฝนตกล่ะครับ)แสงรำไรยามเช้าช่วยให้เราถ่ายรูปได้ตามอัตภาพ(โทษแสงซะงั้น) และแล้วเมื่อตะวันทอแสง วันนี้เป็นวันที่พวกเรานัดกันว่าจะเพิ่มสีสันให้กับชายหาดแห่งนี้ เหนืออื่นใดมันเป็นการเพิ่มสีสันให้กับพวกเราเองด้วย เปลี่ยนจากชุดเดิมๆ ต่างคนต่างใส่ มาเป็นเสื้อผ้าที่เราใส่เพื่อความเป็นหมู่คณะซะ ก่อนหน้าที่จะเดินทางมา พวกเรานัดกันเพื่อจับฉลากว่าใครจะโชคดี ได้สวมใส่กางเกงเลสีอะไร สนุกเชียวนะครับ ตอนจับฉลากน่ะ เพราะกางเกงเลที่ซื้อมา มีสีที่แตกต่างกันไป แต่ครั้งนี้ พวกเราเน้นสีสดๆนะครับ เริ่มไล่กันตั้งแต่สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีบานเย็น สีชมพูอมม่วง สีฟ้าอ่อน สีฟ้าอมเขียว สีน้ำเงิน สีเขียวอ่อน สีเขียวเข้ม และสีที่มืดมนที่สุดคือสีแดงเลือดหมู พอเราจับได้ครบแล้วก็เหลือแต่รอเวลาให้ถึงเกาะหลีเป๊ะและเตรียมตัวใส่เจ้ากางเกงเลสีบาดใจเหล่านี้พร้อมกัน... ว่าแต่ เอ๊ะ!แล้วใครได้สีอะไรไปใส่บ้างนะ?

ใครอ่ะ?


เอา"ช้าง"มาฉุดก็ไม่อยู่


ใครบ้างเนี่ยะ


ไว้เฉลยล่ะกัน

หลังจากได้ภาพเป็นปริศนาได้นิดหน่อยแล้ว พวกเราก็ทยอยเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้ดำน้ำทั้งวันเลยนะครับ เราจะออกเดินทางไปยังเกาะต่างๆประมาณ 9 โมงเช้าครับ หลังทานข้าวเรียบร้อยแล้ว

งานเข้าแล้ว


หนึ่งลำโดยสาร


มองกลับไป


มรกต


แจก กะ ลด (ทำไมเรือไม่ล่มซะทีเนี่ยะ!!!)


เริ่มแขยงกันแล้ว


สู้ตายค่า...


อี...น่ากัว


สู้ค่า...หญ้าทะเลอยู่ไหน?


ปลาสวย น้ำใส


ปลาเยอะมาก

ช่วงที่ดำน้ำ ผมเองก็บรรยายไม่หมดหรอกครับว่าเราไปเกาะไหนๆบ้าง เพราะหลังจากรับประทานยาแก้เมาเรือไปแล้ว(กลัวว่าเดี๋ยวเมาเรือแล้วจะไม่สนุก)สมองก็มึนๆงงๆ ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา แต่เท่าที่ผมจำได้นะครับ เราเริ่มกันที่หาดหินงามครับ ทั้งดำน้ำและไปยังชายหาดที่มีแต่หินสวยงามวางตัวเรียงรายตามพื้นชายหาดแทนทรายเม็ดเล็กสีขาวใสแทน ไกด์เราบอกว่าให้สาดน้ำไปที่หินเหล่าด้วย มันจะสะท้อนประกายแดดเรืองรองสวยมากเลยครับ ยิ่งสะท้อนยามแดดต้องแล้วลวดลายของหินก้อนมนๆเหล่านี้ก็ยิ่งเด่นชัดทำให้มันสวยมากขึ้นไปอีกนะครับ เขาว่ากันว่ามาที่นี้ให้ตั้งหินเรียงสูงขึ้นไปซัก 11 ชั้นแล้วอธิษฐานจะสมหวังนะครับ นอกจากนี้ห้ามเก็บหินเหล่านี้กลับไปเด็ดขาดนะครับ เขาว่าจะต้องเอามาคืนใน3วัน7วันเลยทีเดียว ใครไม่เชื่อ ลองหาทางไปพิสูจน์นะครับ แล้วมาบอกผมด้วย

หินงาม


มน...กลม...เกลี้ยงเกลา


หาดหินงาม


สะอาดตา


กี่ชั้นเนี่ยะ


คู่ควร


หลากสไตล์ คล้ายหิน


ขอโลกจงสงบสุข...

จากนั้นเราก็นั่งเรือด้วยความง่วงมึนยาวนานมากจนมาถึงเกาะหินซ้อน เพื่อถ่ายภาพอันสวยงามนะครับ ปรากฎการณ์หินซ้อนสองก้อนจากธรรมชาติคงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อลมและฝนช่วยกันตกแต่งความงามเหล่านี้ให้เกิดขึ้น แต่ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้น คือระยะเวลาที่กว่าจะเกิดหินซ้อนนี้ต่างหาก บางครั้งเราก็รู้สึกว่า"กว่าจะถึงวันนี้"อะไรบ้างที่หล่อหลอมสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา คุณค่าของมันอยู่ตรงนั้นนะครับ ผมว่า...

โน้น


นี่


เกาะหินซ้อน

เมื่อเราถ่ายรูปเรียบร้อยแล้วเราก็เตรียมตัวไปดำน้ำต่อยังเกาะต่างๆไล่เรียงไป เริ่มจากการแวะกินข้าวเที่ยวที่เกาะรอกลอยน้ำใสราวกระจก อะไรจะอร่อยไปกว่าแตงโมเนื้อแดงน้ำชุ่มฉ่ำหวานกับอากาศร้อนๆแบบนี้ เกาะผึ้งกับการไต่เชือกดำน้ำ(เพราะน้ำที่นี่เชี่ยวมาก แต่ก็สวยมากที่เดียว)เกาะราวีกับการเลี้ยงปลาหลากชนิดและดำน้ำตื้นชนิดที่ เรายืนดูปลาตรงน้ำแค่หัวเข่าเท่านั้น ดำน้ำดูปะการังเขากวางที่เกาะยาว ปะการังอ่อนสีสันสวยงาม ปะการังไฟกับเฉดสีแดงตัดกับขอบสีขาว กัลปังหากลางทะเลลึก ปลาหลายชนิดมากมายและที่เห็นเยอะมากๆคือปลานกแก้วและปลาเสือตัวจอมกินนะครับ หอยเม่นและปลิงทะเลก็เยอะแยะจนหยะแหยงไปหมด แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคือการดำน้ำบริเวณที่เรียกว่า ร่องน้ำจาบัง ที่นี่ปะการังสวยมากครับ และน้ำแรงสุดๆด้วย ที่นี่จะดำน้ำต้องดูเรื่องกระแสน้ำด้วยนะครับ แต่ชาวเรือบอกว่าที่นี่จะสวยที่สุดเพราะเป็นทางผ่านของสัตว์ต่างๆ แพลงตอนจะเยอะมาก และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ สวยมากครับ

เกาะรอกลอย


น้ำใสมาก


ชิงช้าสวรรค์


ยืนยัน


จาก...สวรรค์


สู่...ฟ้ากว้าง

ไม่รู้เหมือนกันว่าเกาะเล็กเกาะน้อยที่ดำน้ำผ่านมานั้นมีชื่ออะไรบ้างนะครับ แต่ที่แน่ๆ เราดำน้ำจนเย็นย่ำค่ำมืดเลยทีเดียว แต่พอดีที่ผมจะทันถ่ายรูปแสงสุดท้ายของวันนี้ครับ เขาว่ากันว่าถ้าฟ้าสีแดงมากๆพายุจะเข้า ผมก็ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเท็จอย่างไรนะครับ แต่อย่างน้อย เย็นวันนั้นมันก็ทำให้เพื่อนผมหลายคนรวมทั้งตัวผมเอง มองเห็นความสวยงามท่ามกลางความน่ากลัวของท้องฟ้าได้อย่างชักเจนครับ และคืนนี้ นอกจากการนับเลขเร็ว ลองหัดนับเหรียญ ทดลองทอนเงินเหรียญ รวมไปถึงทดสอบความไวของมือในการสลับที่ของไพ่(แถวบ้าผมเรียกว่า"สับ" อิอิ) ผมเองก็นึกอเดียในการทดลองถ่ายภาพ light painting ที่ได้ร่ำเรียนมาด้วยนะครับ ยากสักหน่อยเพราะเราไม่มีแฟลช ได้แต่ใช้ของกล้องเพื่อน แต่ได้เท่านี้ก็ค่อนข้างพอใจนะครับ

ตั้งเค้า


แสงเหงาๆ


ชีวิตที่นี่


โดดเดี่ยว


แสงสุดท้าย


light painting


ปิศาจน้อย


เอ่อ...!?



สายไฟเย็น

เช้าสุดท้ายที่หลีเป๊ะยังไม่ทันจะสร่างจากความมึนงง ผมเองก็หรี่ตาเห็นเมฆฝนมืดทะมึนมาแต่ไกล ในใจก็คิดว่าแย่แน่ๆถ้าฝนตก คงเป็นทริปที่แย่จริงๆด้วย แต่ไม่นานเสียงของเพื่อนๆก็ปลุกผมตื่นจากภวังค์และบอกว่ารีบอาบน้ำแปรงฟันเพื่อถ่ายรูปชุดสุดท้ายที่หลีเป๊ะกันครับ หลังจากที่ถ่ายรูปแนะนำตัวกันหมดเรียบร้อยแล้ว เช้านี้ส่วนใหญ่ก็จะเน้นแบบหมู่คณะนะ ผมว่าสนุกดี กระโดดบ่อยขึ้น คิดท่ามากขึ้น สนุกมากขึ้น จนกระทั่งถึงเวลาที่เราต้องอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางกลับแล้วครับ ใจก็ได้แต่บอกว่าไม่อยากจากเกาะสวรรค์แห่งนี้ไปเลย คงดีถ้าเราสามารถยืดเวลาออกไปอีกเพียงนิดหน่อย


มืดครึ้ม


ทะเลสีดำ


สัญลักษณ์


ปลา...เขียวแก่


ปุ๊...ชมพูทวีป


นิ...บานเย็น


แจ้...เขียวอ่อน


หญิง...กาคาบพริก


ตาล...ส้มโอ


คิว...ฟ้าครึ้ม


น๊อต...ฟ้าน้ำทะเล


ปัท...ตองเหลือง


จอช...น้ำตาลทราย


นิค...น้ำเงินยวง


ช่าง(ถือ)กล้อง


สุดความสามารถ


ยกกำลังสู้ตายค่า


ท่าอื่นมีมั้ย?


กอดกัน"กลม"


น่ารัก มั้ยค้าบ


กำลังดี


buddha bless


girly biggy


พ่องู


แม่งู


กินหัว


กินกลาง


กินตลอดตัว


กินหมาก


กินหาง


เหนียว...เหลือ


สาม...สี่


หรีด...มาเอง


ร้อน


เย็น


หลายท่วงท่า


เรียงตัว


ลมหายใจ หอมสดชื่น?


ผสมสี


ข้อใดต่างจากพวก


ตอบ...ส้มโอคับ/ค่ะ


ทำไงดีล่ะ


วิธีนี้ซิ


ฮึ่บๆ


เย้


โดดให้ความสุข


โค้งอันตราย


ชิล ชิล


สามัคคีชุมนุม


หลีเป๊ะ...รูปสุดท้าย

กลับมาถึงปากบาราด้วยความรวดเร็ว ประมาณเที่ยงๆเองครับ แล้วพวกเราก็ต้องมานั่งรอเวลารถทัวร์ออกล่ะ ประมาณสี่โมงเย็นโน้น ก่อนกลับพี่ทัวร์เขาพาเราไปเยี่ยมชม อช.หมู่เกาะเพตราด้วยนะครับ อันที่จริงก็เดินแถวๆแผ่นดินแหล่ะครับไม่ได้ลงเรือหรือไปไหนเลย แม้จะขึ้นไปจุดชมวิว(ที่ทุกคนเข็ดขยาด)ก็ไม่ได้ไป เวลาน้อยนะครับ เดี๋ยวจะกลับ กทม ไม่ทันอ่านะ ไม่งั้นพวกเราคงได้เห็นการเก็บน้ำลายนกนางแอ่น หรือรังนกนางแอ่นนับร้อยๆรังแน่ๆเลยครับ

รู้สึกอย่างไร?


อช.หมู่เกาะเพตรา


ทางเดินแห่งรัก


บรรยากาศโดยรอบ

รอ จม.อยู่นะ

ไม่นานหลังจากนี้พวกเราทุกคนคงต้องทิ้งเกาะหลีเป๊ะไว้เบื้องหลัง มุ่งหน้าสู่แผ่นดินใหญ่เพื่อเดินตามทางชีวิตของพวกเราต่อไป ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผันผ่านไปเร็วเสมอ แต่เวลาสั้นๆเหล่านั้น กลับทำหน้าที่เป็นรอยต่อเชื่อมช่วงชีวิตที่แสนยาวไกลของเรา มันอาจเป็นรอยต่อเล็กๆ หากแต่เมื่อเราร้อยรวมรอยต่อเหล่านี้เข้าด้วยกัน รอยยิ้มเล็กๆที่ปรากฎบนหน้า คงบอกกับเราว่า รอยต่อแห่งความสุขเหล่าทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์พร้อมแล้ว...

๓ ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อันนี้เน้นรูปจิงๆ ม่ะน่าไปเร่งเลย อิอิ
เลยเขียนน้อยๆไงม่ะรุ ไม่ค่อยน้ำเน่าเท่าไหร่เลยอ่ะ ชอบแบบเน่าๆหน่อยอ่ะ เหม็นดี อุอุ

แต่ดูรูปแล้วก็มีความสุขดีเนอะ ทำให้คิดถึงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน ว่างๆไปเที่ยวกันอีกเนอะไปกันเยอะๆสนุกดีจัง มีความสุขจังเลยยยยย

แล้วรูป "กินหมาก" เนี๊ยะมันหมายความว่าไงฮะ ม่ะได้มีความหมายอะไรพิเศษช่ายไหม แล้วทำไมต้องกินหมากด้วยอ่ะ ชิชะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณน่ะค่ะ ที่มีภาคสามให้อ่านกันอีก ไม่ผิดหวังที่รอคอย ชอบจัง ชอบจัง รักคนเขียนที่ซู้ดเลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เข้ามาดูอีกรอบ...
คิดถึงจัง...

อยากไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้อีกจัง
นึกถึงความสุขเมื่อวันวาน...
เฮ้อ...เหงาจัง