อรุณสวัสดิ์
ผมเองเป็นคนที่ประเภทตื่นเช้าได้ไม่ทุกวันนะครับ อย่างน้อยๆมันต้องมีอะไรที่คอยกระตุ้นให้ตื่นตัว และครั้งนี้ก็มีอะไรกระตุ้นจริงๆด้วย...อย่างหนึ่งคือ ผมเองไม่รู้ว่าจะพลาดอะไรไปบ้างหากเราไม่ได้ตื่นเช้ามาเพื่อมองดูทะเลยามเช้าและตะวันขึ้นจากขอบฟ้า แน่นอนคำพูดที่กล่าวว่า ตะวันขึ้นที่ไหนๆก็ดวงเดียวกัน แต่บางคนก็ลืมไปว่ามันคนละที่ คนละช่วงชีวิตกัน เพราะฉะนั้นผมจึงไม่สนเจ้าดวงตะวันดวงเดิมนั่นหรอกครับ ผมสนเพียงว่า ช่วงเวลาแห่งชีวิตตอนนั้น มีอะไร ใคร และสิ่งใดบ้าง ที่เริ่มปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อวันใหม่วันนี้ แน่นอนครับ การตื่นเช้าได้อะไรมากกว่านั้น
น้ำลด...แอ่งน้ำผุด
ทางน้ำลด
สู่ยอดเสา
อาชีพ
เงียบเหงา
น้ำทะเลหน้าหาดของเราลดไปเยอะมาก เยอะมากจนน่าตกใจกว่าเวลาบ่ายเมื่อวานนะครับ ลดไปจนเราสามารถเดินไปได้ไกล ลึกลงไปจากชายหาดเดิม สันทรายเกิดขึ้นเพื่อรอให้น้ำทะเลที่เริ่มขึ้นเมื่อเวลาสาย กลบมันลงไปยังตำแหน่งเดิม กลายเป็นชายหาดที่น้ำใสราวกระจกอีกครั้ง (นั่นคือเวลาหลัง 8 โมงเช้าไปแล้วนะครับ) การเดินทะเลยามเช้าให้ความสดชื่นเหลือเกิน ผมจึงพบเห็นผู้คนหลากหลายเดินถือกล้องตัวเก่งตามถนัด เพื่อบันทึกภาพที่ต่อให้ตื่นมาอีกกี่เช้าก็ไม่มีวันเหมือนเช้าวันนี้ หลายคนตักบาตรทำบุญ บ้างก็เริ่มปรับตัวเองเพื่อเข้าสู่การเริ่มต้นทำงานของวันใหม่ นกน้อยโบยบิน ปลาน้อยใหญ่เวียนว่ายคงเดิม จนบางครังผมเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่า พวกมันรู้หรือป่าวว่ากลางวันกลางคืนต่างกันเช่นไร
เราจะโต เราจะโต
ทิ้งไว้ด้วยระลอกคลื่น
เขาว่า"อึ"หอย
แต่ไม่ใช่ตัวนี้
สิ่งมีชีวิตนะเนี่ยะ
เดินได้ซักพัก น้ำทะเลก็เริ่มไล่เอาความตื้นเขินออกไป หลงเหลือไว้เพียงทรายใต้ผืนน้ำที่เราเองมองเห็นจากชายหาดได้ไม่ยาก หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย วันนี้ฟรีสไตล์ล่ะ พวกเราทุกคนเลยเล่นสนุกอยู่หน้าหาด เพื่อรอ"ใครบางคน"ที่จะตามมาเพื่อค้นหาความสุขพร้อมกันที่หลีเป๊ะแห่งนี้ กิจกรรมยอดฮิตของคนไทยหาใช่การเล่นน้ำทะเลท่ามกลางแดดเปรี้ยง แต่มันคือ"ไพ่"ทั้งผู้เล่นเป็น เล่นไม่เป็นต่างฝึกฝนเรียนรู้เพื่อความสนุก
เชื่อมโยง
ล่องลอย
น้ำมา
หาดไป
เริ่มงาน
ไม่นานเมื่อน้ำทะเลเริ่มไล่ขึ้นจากไกลเป็นใกล้ และไม่ช้าที่ๆเราเคยนั่งกลับกลายเป็นที่ๆน้ำทะเลครอบครองไปเสียแทน ไม่เป็นไรครับ เพื่อนๆพี่ๆผมเปลี่ยนกิจกรรมเพื่อความเหมาะสม นั่นก็คือการเล่นน้ำทะเลและเล่นลูกบอลตามประสาวัยรุ่น?ทั่วไป แม้ว่าแดดจะร้อนสักเพียงใดนะครับ พวกเพื่อนๆพี่ๆผมก็ไม่หวั่นกันเลยครับ ส่วนผมน่ะหรือ ขอถ่ายรูปภาพแห่งความสุขเหล่านี้ต่อไปดีกว่า
เฮฮา
ลีลา
ท่าเดิม...เดิม
แพรว
สุดหล่อ...คริคริ
สุดสวย...อุอุ
ไม่ลืมหูลืมตา
ดีดกุ้ง
แอบมอง
ผู้เล่น
วิธีเล่น
ครื้นเครง
เบื้องหน้า
เบื้องหลัง
ความจริงใช่ว่าไม่อยากเล่นน้ำทะเลนะครับ แต่ผมกลัวว่าสิ่งที่ผมเห็นในตอนนั้น มันจะหายไปเมื่อผมเล่นน้ำทะเลเสร็จสิ้น และกล้องคู่ใจของผมจะกลายเป็นม่ายไปด้วยการกลัวเกลือจะเข้าไปจับส่วนต่างๆของกล้องน่ะครับ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็มีความสุขดีที่มองดูเพื่อนๆพี่ๆของผมมีความสุข ทุกคนสนุกหัวเราะไปกับการถ่ายรูปบ้าง เล่นน้ำบ้าง อิสระเท่าที่ใจจะทำได้ ส่วนผมอย่างที่บอกครั้งนี้ ผมพาเจ้าฟิลเตอร์ CPL ตัวแรกมาใช้ในการมาเที่ยวครั้งนี้ด้วย ไม่ช้ามันก็แสดงพลังอันน่าประหลาดใจออกมาให้ผมได้ยิ้มไปกับภาพถ่ายที่บันทึกขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากกล้องและเจ้าCPLตัวนี้
ฟ้าเข้ม...น้ำใส
ไกล
ใกล้
เหม่อมอง
ลอยลำ
บ่ายแล้วครับ และแล้วใครบางคนที่พวกเรารอก็มาถึง รอยยิ้มเจื่อนๆเกิดขึ้น เพราะอากาศทั้งร้อน ทั้งหิว ทั้งเวลาก็ล่วงเลยมานานแล้ว แต่มันก็ถูกกลบมิดไปด้วยเสียงหัวเราะที่ดังกว่า ไม่ช้าเมื่อรวมตัวกันครบแล้วเราก็เหมาเรือหางยาวในราคาคนล่ะ 100 บาท(ไป-กลับ) เพื่อจุดหมายข้างหน้าของเราคือการพิชิต"ผาชะโด"
คนที่รอคอย
เดินทาง
จุดหมาย
แจก กะ ลด
ข้างทาง
ใส
สวย
ผาชะโดตั้งอยู่บนเกาะอาดัง ซึ่งเท่าที่ดูผม น่าจะเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดบริเวณนี้นะครับ จากเบื้องล่างป้ายบอกทางบอกเราว่า ระยะทางจากด้านล่างสู่ผาชะโดนั้น มีระยะทาง 700 เมตรเท่านั้น ไม่รีรอพวกเราก็รีบออกเดินทาง เพราะกลัวจะมืดไปเสียก่อน กว่าจะเดินปีนป่ายตามทางลาดชันสู่จุดวิวพอยท์ก็เล่นเอาเราแทบอ้วกไปตามๆกัน แต่เมื่อเราอ่านป้ายดูดีๆ "จุดชมวิว 1" หมายความวว่ายังมีจุดชมวิว2,3,4...ต่อไปแบบนั้นหรือ เมื่อปรึกษากันเรียนร้อยแล้ว พบทางเดินขึ้นไปยังจุดต่อไปแล้ว เราก็เดินทางต่อไปจนกระทั่งถึงจุดวิวพอยท์ 3 ที่ๆทุกคนลงความเห็นแล้วว่านี่คือจุดสุดท้ายสำหรับการดูวิวของเกาะหลีเป๊ะในวันนี้(อันที่จริง จุดชมวิวของที่นี่ มีด้วยกันเพียง 4 จุดนะครับ ซึ่งแต่ละจุดก็ให้มุมมองของเกาะหลีเป๊ะที่แตกต่างกันไป
จุดเริ่ม
สู้?
ไหว?
วิวพอยท์ 1
วิวพอยท์ 2
เติมเต็มรูป
วิวพอยท์ 3...กว้าง
วิวพอยท์ 3...สูง
คนเก่ง
คนสูง
สัญลักษณ์การมาเยือน
เมื่อเราชื่นชมและดื่มดำกับบรรยากาศการมองหลีเป๊ะจากมุมสูงแล้วก็ได้เวลาที่เราจะกลับไปยังหลีเป๊ะเสียที(จริงๆแล้วบอกว่า นั่งพักให้หายเหนื่อยจะถูกต้องกว่า) ต้องขอบอกว่าขาลงลำบากยากกว่าขาขึ้นเป็นอย่างมาก เข่าจะเสื่อมเอาได้ง่ายๆนะครับ และแล้วเราก็นั่งเรือหางยาวลำเดิมฝ่าคลื่นลมที่ค่อนข้างแรง เนื่องจากพวกเรามองเห็นเมฆฝนอยู่ไกลๆ เสียงฟ้าร้องครืนๆ ทำเอาพวกเราหลายคนอดหวั่นใจไม่ได้ว่า ในวันพรุ่งนี้ เราจะได้ดำน้ำท่ามกลางท้องฟ้าสดใสไร้ฝนหรือป่าว?
เหงา...อีกแล้ว
ไม่เหงา
ในขณะที่เรือขับฝ่าคลื่นลมที่เริ่มแรงมากขึ้น ผมก็นึกถึงเพลงเก่าๆขึ้นมาหนึ่งเพลง เพลงที่บอกกับเราว่า "เราคงเป็นดังเรือน้อยลำหนึ่ง ในทะเลแห่งชีวิตกว้างใหญ่ แม้คลื่นลมพัดพาให้หวั่นไหว ในใจมีแต่จุดหมายคือฝั่ง มันจะไกลสักเพียงไหนต้องไป แม้ว่าในหัวใจไม่มีใครเลย..."
พร้อมเผชิญ
ผมว่าบางครั้ง คลื่นลมที่ซัดมา ก็เพื่อกระตุ้นให้เราพยายามที่จะเอาชนะมันให้ได้ ฝั่งแห่งแผ่นดินรอเราอยู่ที่ใดซักแห่ง เพียงแต่เราเองจะต่อสู้ ฝ่าฝัน อดทนเพื่อเข้าสู่ฝั่งได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับใจอันแข็งแกร่งของเรานะครับ บางคนอดทนกัดฟันสู้ บางคนบ่นแต่ไม่ย่อท้อ บางคนไม่ปริปากแต่ถอดใจอย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่บางครั้งเรือก็จมโดยที่เราไม่ได้ลงมือแม้จะอุดรูรั่วเหล่านั้น
๗ ความคิดเห็น:
ฟ้าใสดีจัง น้ำก็น่าเอาตัวลงไปแช่มั๊กมาก คิดถึงวันแห่งความสุขจัง :)
แจก กะ ลด ชอบจังคิดได้เนี๊ยะไงมุขนี้อ่ะ อิอิ
ชอบการเขียนของอันนี้จังเลยอ่ะ อ่านแล้วลอยๆ ฟุ้งๆ ฝันๆ ดีจัง ชอบ ชอบ
อ่านแล้วสื่อได้ถึงความคิด ความรู้สึก ความฝัน จินตนาการ แล้วก็อารมณ์เหงาอีกแหละ เด็กขี้เหงานะเนี๊ยะ อุอุ
แหม ก็บรรยากาศมันพาไปนี่นะ "เป็นคนขี้เหงา เข้าใจบ้างซิ มีใครบ้างเป็นห่วงเป็นใย" อุอุ
รอยยิ้มเจื่อนๆ นี่มันของเรา
หรือคนที่ต้องนั่งรออ่ะ รู้สึกผิดมั้ยเนี่ย
.....
รูปทะเลสวยจัง ชอบชอบ
.....
เหมือนยังไม่จบเลย จะมีภาคสามไม๊
รอภาค 3 นานแล้วนะ เซ็งจิงจิงเชียว
เซ็งจิงๆ ด้วยอีกคน อุอุ
รออ่านอยู่นะ :)
โห ไม่มีคนช่วย มีแต่คนบ่น...
แสดงความคิดเห็น