วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑

โอ้!หลีเป๊ะแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส...ตอน1



หากเอ่ยชื่อ"หลีเป๊ะ" ผมเชื่อว่ามีใครอีกหลายคนส่ายหน้าด้วยความไม่รู้จัก ไม่รู้ว่ามันคืออะไร อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อนี้ด้วยซ้ำไป...แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว อ่านนิตยสารท่องเที่ยวและชื่นชอบความสดชื่นของไอทะเล น้อยคนที่จะมองผ่าน"เกาะ"เล็กๆแห่งนี้ไป อย่างน้อยมันคือหนึ่งในน่านน้ำแห่งทะเลใสที่ซักวันผู้ชื่นชอบทะเลจะต้องไปเยือนให้จงได้
หลีเป๊ะ เป็นเกาะเล็กๆบนอุทยานแห่งชาติทางทะเล มันตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทางทะเลอาดังราวี มีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ที่เราคุ้นชื่อกันดีเป็นปราการด่านแรก ก่อนเราจะนั่งเรือสปีดโบ๊ทลำโต ใช้เวลาราวชั่วโมงครึ่งจากท่าเรือปากบารา อำเภอละงู จังหวัดสตูล ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของน้ำที่ใสราวกับกระจกแก้ว มันถูกเรียกขานว่า"มัลดีล์ฟ"เมืองไทย ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่รู้หรอกครับ แต่ถ้าใครเรียกแบบนั้น อย่างน้อยมันก็น่าจะมี"อะไร"ที่คล้ายเจ้าของชื่อเดิมบ้างล่ะ


ปลายทาง

กิจกรรมยามนั่ง(รถ)

ไม่นาน หลังจากรวบรวมสมาชิกที่จะเดินทางครั้งนี้ได้แล้ว เราตกลงกันว่า ช่วงวันที่ 5-8 เม.ย.2551 เราจะเดินทางออกจากกรุงเทพกัน เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปสุดประหยัด(เพราะเกรงว่า หากราคาสูงกว่านี้ เพื่อนๆทุกคนจะเมินหน้าหนี ไปเที่ยวเสม็ดแทน อิอิ)เราเลือกนั่งรถทัวร์ หลังจากสำรวจราคาเครื่องบินที่แสนถูก?ในงาน ททท ที่ผ่านมา แน่นอนตัวเลือกสุดท้ายที่ชนะใสๆเห็นจะเป็นรถทัวร์ ที่อย่างน้อยมันก็พาเราไปลงที่อำเภอละงู ปลายทางของเราได้พอดี
การนั่งรถประมาณ 12 ชม.นี่ ใช่ว่าจะมีแต่ความสุขสบายนะครับ เมื่อยมาก คอนี่จะพับไปทางไหนก็ม่รู้ อยากจะเอาตัวลงนอนใต้เบาะเหลือเกิน แต่เพื่อ"ความสุขปลายทาง"คำว่าอดทนจงเหมาะมากที่จะนำมาใช้ในตอนนี้

ตลอดยามเช้า


เช้าตรู่ของวันที่ 5 เมษา เราเดินทางถึงอำเภอละงู และรถสองแถวก็มารับพวกเราขึ้นรถไปยังท่าเรือปากบาราเพื่อเทียบท่าไปยังหลีเป๊จุดหมายของพวกเรา อ้อ!ครั้งนี้เราเดินทางด้วยการเหมาทริปของคุณอุ๊ ซึ่งจริงๆผมเองก็ยังไม่แน่ใจหรอกครับว่า เขาตระเตรียมอะไรไว้ให้เราบ้างรู้เพียงแต่ว่าเราจะนอนเต้นท์สองคืนและบ้านพักหนึ่งคืน(เราเลือกทริปแบบ 4วัน 3คืนครับ)

ท่าเรือปากบารา

ฟ้าใส

ลูกทัวร์


หลังจากเรือแล่นออกจากท่า มองไปมองมา ความแออัดมากโขก็กระจุกรวมตัวอยู่บนเรือสปีดโบ๊ทลำนี้ หลังจากที่ได้พูดคุยพอเล็กน้อยกับเพื่อนเดินทางรอบข้าง พวกเขามาพักที่หลีเป๊ะบ้าง พักอาดังบ้าง พักตะรุเตาบ้างตามแต่เวลาและปัจจัยอื่นๆจะเอื้ออำนวย ส่วนหนึ่งพวกเขามากันเองนะครับ ไม่ได้เหมาทริปจะไปเที่ยวเหมือนพวกผม แต่การมาครั้งแรกของพวกผมก็ต้องมีคนช่วยดูแลเป็นธรรมดาเนาะ


ของเขาน่ากอดจริงๆ

ไม่ช้าจุดหมายแรกของเราก็มาถึง อช.หมู่เกาะตะรุเตา เราแวะที่นี่ไม่นานนักเพราะว่าลูกเรือร่วมเดินทางหลายคน อยากไปถึงหลีเป๊ะเร็วๆ เราจึงได้แค่ป้ายกับทะเลที่เห็นก็รู้ว่าใสขนาดไหนมาฝากนะครับ ที่นี่เคยเป็นคุกเก่าของพวกทหาร กบฎต่างๆ คุกขี้ไท่เราเคยได้ยินตั้งอยู่ลึกเข้าในอีก เราไม่มีเวลาได้เดินไปสำรวจครับ เสียดายจัง แต่อย่างน้อยนะครับ เราก็ไม่ลืมที่จะไหว้ศาลเจ้าพ่อตะรุเตานะครับ เพราะเขาว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์จริงๆเชียว


มีเวลาแค่"ป้าย"

น้ำใส ทรายขาว

ศาลเจ้าพ่อตะรุเตา

ออกเดินทางมาได้ไม่เท่าไหร่ก็พบจุดหมายที่สอง จุดหมายที่สำหรับคนเคยเที่ยวต้องบอกว่า นี่คือสัญลักษณ์แห่งการมาเยือนที่นี่เชียวนะ เกาะไข่...ว่ากันว่าเกาะไข่เป็นเกาะที่มีเต่าทะเลมาวางไข่และฟักตัวเยอะมาก จนได้ชื่อว่าเกาะไข่นะครับ สัญลักษณ์ของที่นี่คือ สะพานหินโค้งชายทะเลที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา มันมีซุ้มประตูโค้ง 2 ซุ้มนะครับ ใหญ่และเล็ก แต่เราไม่มีโอกาสได้ลงไปสัมผัสอย่างชิดใกล้นะครับ เพราะลูกเรือเกือบทุกคนต่างก็อยากมุ่งหน้าสู่เกาะสวรรค์ของพวกเขากันทั้งนั้น...

ใกล้สุดแค่นี้ "เกาะไข่"

ใสสุดๆ


บ่ายคล้อยแล้ว ถึงเกาะหลีเป๊ะซะที ซักพักก็จะมีเรือหางยาวมารับเราไปยังหน้าหาดที่พักนะครับ สองวันแรก เราได้พักที่"หลีเป๊ รีสอร์ท" ความจริงการนอนเต้นท์ไม่ได้เป็นปัญหาเลยสำหรับพวกเรานะครับ แต่เนื่องจากปัญหาที่ใหญ่มากกว่าคือ ห้องน้ำห้องท่า นั้นเพียงแค่คำว่าใช้ไม่ได้น้อยไปอีกต่างหาก มันสกปรกมาก จนบรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว โชคดีที่เพื่อนของผมอีกกลุ่มเดินทางไปพร้อมกันและพักที่เดียวกับพวกผมด้วย ผมเลยขออาศัยใช้ห้องน้ำด้วยเลย(น่าไม่อายจริงๆ) ทำไงได้ล่ะครับ มันทรมาณนะ การอยู่แบบซกม๊กเนี่ยะ อิอิ

พาหนะประจำเกาะ

อีกมุมยาวๆ

ลูกทะเล

หรูป่าวครับ...หลังสีฟ้าๆน่ะที่พักผม

เส้นสายสน

ผู้มีอุปการะคุณ

ฮึบ...ฮึบ

สายลม...สองเรา

เรือน้อย...ทะเลกว้าง

cpl แสดงผล

หน้าบ้านพัก

เรือล่องนาวาไป

กระโดดให้ เท่าเทียมฟ้า

เท่ห์ ชะม่ะ

และแล้วเมื่อจักการเรื่องที่อยู่อาศัยเรียบร้อยแล้ว รู้ตัวอีกทีเพื่อนผมก็วิ่งโร่ลงน้ำดำผุดดำว่าย เหมือนไม่เคยเจอทะเลซะขนาดนั้น แต่เวลานี้บ่ายโมงกว่าเกือบบ่ายสองแล้ว น้ำก็ลดระดับไปไดลสุดลูกหูลูกตาเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่า เราสามารถเดินดูปลานีโม(ปลาการ์ตูน)ได้เพียงแค่ชายเสื้อเปียกเท่านั้น เหมาะสมแล้วกับคำมัลดีล์ฟเมืองไทยนะครับ ไม่นานพวกเราก็ตกลงว่าจะเดินไปดูพระอาทิตย์ตกยังหาดอีกด้าน โดยหาดที่เราพักมีชื่อว่า อ่าวพัทยา

ใช้โซล่าเซลนะ

ไปทางไหนดี

การจะเดินไปดูพระอาทิตย์ตกก็ไม่ยากครับ เพียงเดินลัดเลาะตัดผ่านหมู่บ้านประมงระยะทางประมาณสองกิโลเมตร เราก็จะโผล่ยังชายหาดที่เขาเรียกว่า sunrise นะครับ (ส่วนชายหาด sunset จริงๆนั้นอยู่ทางตะวันตก เป็นหาดเล็กๆ ไม่ยาวเท่ากับหาดนี้และหาดพัทยาครับ)


ที่ระลึกถึง

วัดกันที่"ขนาด"

อุปกรณ์ยังชีพ

ปูนา(?)ขาเก

ก่อนลับฟ้า

กลมมั่กๆ

ซ๊ลูเอต เกือบสวย

แสงสุดท้าย

มาเหงากันสองลำ

ใครจะว่ายังไงก็ช่าง การได้ชมพระอาทิตย์ตก ณ ที่ต่างๆที่ผมไป มันช่างเป็นเวลาแห่งความเงียบเหงาที่เจือปนด้วยความสุขเสียจริงๆ ที่บอกแบบนั้นเพราะผมเองรู้สึกว่า เวลาโพล้เพล้แบบนี้ทีไร เรามักเห็นสิ่งต่างเริ่มเข้าสู่ความเงียบเหงา ด้วยเงามืดที่เริ่มปกคลุม ความสว่างกระจ่างแจ้งถูกกลบทับด้วยความมืดที่คลานคืบอย่างช้าๆ และเมื่อดวงอาทิตย์ตกลับตา หลายคนทอดถอนสายตาจากมันแล้วเบื่ยงความรู้สึกเข้าหาช่วงเวลาแห่งการนึกตรอง...เพียงเวลานี้ ใครซักคน...แค่ใครซักคน นั่งตรงนี้ พร้อมกับเรา เพียงแค่นั้นการชมตะวันลับฟ้าจะให้ความรู้สึกต่างกันราวกลางวันและกลางคืนทีเดียว

เต็มที่กับชีวิต

๕ ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไปหมู่เกาะตะรุเตาไม่ลงเกาะไข่ถือว่าน่าเสียดาย มองไกลๆ อาจงั้นๆ ของแบบนี้ต้องสัมผัสด้วยตัวเอง 55 อิจฉาคนไปตอนฟ้าสวย ตอนที่ไปเองครึ้มฟ้าครึ้มฝน ไปพักที่วารินทร์ หน้าหาดหลีเป๊ะเลย ตรงที่มีดำน้ะนีโม้นั้นแหละ บอกแล้วให้เอาขนมไปฝากนีโม้ บอกแล้วหาว่าเราโม้555

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ฟ้าสวย น้ำใส มีความสุขจังเลย อยากไปอีกจัง :)
ซีลูเอต คืออะไรเหรอ แต่ชอบนะ ภาพดูโรแมนติกเชียว

"เพียงเวลานี้ ใครซักคน...แค่ใครซักคน นั่งตรงนี้ พร้อมกับเรา เพียงแค่นั้นการชมตะวันลับฟ้าจะให้ความรู้สึกต่างกันราวกลางวันและกลางคืนทีเดียว"
ชอบประโยคนี้อ่ะ คิดแล้วก็...เฮ้อ เหงาเชียว

รอติดตามดูตอนต่อไปอยู่นะ...:)
อ๋อ! ลืมบอกไปเด๋วนี้มีพัฒนาการนะมีเรื่องประกอบเพลงด้วย ชอบอ่ะ อิอิ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รอดูภาคสองอ่ะ เร็วๆหน่อยน้า

BlueSea BrownSand & BlackSky กล่าวว่า...

ซีลูเอต คือการถ่ายภาพแบบให้เป็นเงามืดนะคับ ไม่ว่าจะกลางวันหรือย้อนแสงก็เป็นซีลูเอตได้ครับ และก็เน้นรูปร่าง โค้งเว้านะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่คิดเลยว่าเพื่อนเราจะเป็นคน romantic man มั้กๆ อ่านแล้วรู้สึกว่ามีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบตัวจัง บางทีแค่เรารู้สึกดี อะไรๆ รอบตัวก็จะดีเองใช่มั๊ย? แต่เกลียดมากเลยที่แกเห็นรูป jack and rose ฉันเป็นแจก กะ ลด ขอบอก promotion นี้ต้องประมูลเฟ้ย ยังไงก็แล้วแต่ขอให้กำลังใจคนทำ ทริปหน้า ขอโหดกว่านี้ ผาชะโดแค่ขาสั่นๆ ชิวๆ ขอแบบ ขอดแตกได้ป่าว เป้งๆๆ ไปเลย สู้ สู้