วันศุกร์ที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ภูจองนายอย ชื่อแบบนี้ก็เที่ยวด้วย?!


ความจริงเป็นเวลาอันรวดเร็วมากๆ ในการคิดว่าวันเสาร์อาทิตย์นี้ เราจะไปไหนกันดี เพราะนี่ก็เย็นวันศุกร์แล้ว และการเดินทางจะเริ่มเที่ยงคืนของวันนี้ แต่พวกเราก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปไหนดี และแล้วสายตาอันกว้างไกลก็ไปสะดุดกับ"หนังสือเส้นทางสุขใจ" ของ ททท. และยังมีหนังสือ อสท. วางโชว์ ราวกับจะบอกว่า "ทำไมไม่เอาเราไว้อ่านฟ่ะ ไอ้..." และเราก็คงได้ยินด้วย ดังนั้นเราก็หยิบมาอ่านซิครับ
เส้นทางสุขใจของเราอาจอยู่ไกลสักหน่อย หากนับว่าเราจะไปกันที่จังหวัดอุบลราชธานี ด้วยความที่คิดว่าน่าจะใกล้ (ก็ผ่านแค่ไม่กี่จังหวัดเองนี่นา) เราก็ตกลงว่าจะไปที่นี่กันครับ แต่จะไปส่วนไหนล่ะ ถึงจะเที่ยวได้คุ้มหน่อย...
"ไปที่นี่ซิ พี่เคยอ่านหนังสือ อสท. ถ่ายรูปสวยมากเลย" พี่คนหนึ่งพูดขึ้นมา
"โห รูปสวยจริงๆด้วย แล้วมันที่ไหนล่ะ" น้องคนหนึ่งพูดแทรก
"ไปน้ำตกลงรูดีกว่ามั้ย ผมว่า ถ่ายรูปสวยแน่ๆเลย อีกอย่างไม่เคยไปด้วยอ่ะ" ผมเสนอ
"ไปไหนก็ได้ ไปได้หมดแหล่ะ" พี่อีกคน ไม่รู้จะพูดทำไม -_-"
"งั้นไปที่นี่แหล่ะ สวยนะ น่าจะใกล้กว่า น้ำลงลงรูนะ" พี่คนแรกเสนอ
"โอเค ที่ไหนล่ะ?" ผมถาม
"อุทยานแห่งชาติภูจองนายอยไง" พี่คนแรกบอก
"...??????..." พวกเราทุกคน
"ลองไปดูล่ะกัน ไม่เคยไปนี่ก็ไปดู" พี่คนแรกย้ำ
"เอ้า ไปก็ไป แปลกๆบ้างก็ดีนะ" ผมบอก ส่วนคนที่เหลือก็พยักหน้าตอบรับ

หลังจากเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว (เพราะแอบแวบไปดูหนังมาก่อนหนึ่งเรื่อง) พวกเราก็รีบบึ่งรถ(เที่ยงคืนพอดิบพอดี) เพื่อให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูจองนายอย อุทยานแห่งชาติ อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานีกันครับ
หลังจากผ่านไปเกือบ 8 ชั่วโมง ผมก็ตื่น (ทั้งๆที่ก็ไม่ได้หลับสนิทเท่าไหร่) เพราะเกิดอาการสั่นกระตุกไปทั่วรถ มันไม่ใช่เพราะเครื่องยนต์กลไกมีปัญหาหรอกครับ แต่ระหว่างทางไปน่ะ ราวกับอยู่โลกพระจันทร์เชียว ทางที่ทำไว้นอกจะแคบแล้วยังเป็นหลุมเป็นบ่อ ชนิดที่เรียกว่า หากคุณขับรถ 20 kg/hr รถคุณก็พังได้แล้วกัน เพราะฉะนั้นเราจึงคลานไปเร็วกว่าเต่าหน่อยนึงอ่ะครับ (ถึงตรงนี้ก็วอนให้ทางรัฐช่วยทำทางทีนะครับ)

ขับไปขับมาก็เริ่มเข้าสู่ชนบทมากขึ้นๆ ต้นไม้เพิ่มขึ้น ผู้คนน้อยลง แต่ไม่นานป้ายอุทยานแห่งชาติภูจองนายอยก็ยืนต้อนรับพวกเราไม่เกรงต่อแดดฝนเลยครับ (ราว 8-9 โมงเช้า)
เช้านี้อากาศสดใสจริงๆครับ เหมาะแล้วกันการเที่ยวป่าแบบนี้ ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีคนเสียอีก แต่ก็มีคณะสัมมนาจัดกลุ่มกันอยู่นะครับ ผู้คนก็พอมีนะครับ ไม่ถึงกับเงียบเหงาจนเกินไป
ทางลัด

ภูจองนายอย มีความหมายโดยรวมคือ ภูเขาที่มีต้นจองขึ้นอยู่มากมาย และ น้ำไหลย้อยจากผาครับ ซึ่งความจริง ความหมายจะแบ่งได้เป็นสองคำคือ คำว่า"ภูจอง" หมายถึง ภูเขาที่มีต้นจอง หรือ หมากจอง ขึ้นอยู่มากมาย ผลจองมีเนื้อคล้ายวุ้น นำมาประกอบอาหารได้มากครับ ส่วน"นายอย" หมายถึง น้ำย้อยจากหน้าผาครับ รวมแล้วก็ได้ความหมายดังที่กล่าวไปครับ
คำถาม...ใครทราบบ้างว่า ต้นจองหรือหมากจองเนี่ยะ ภาคกลางเรียกว่าต้นอะไรครับ ค่อยเฉลยล่ะกันนะครับ
ทางลงอันยาวไกล

ละอองน้ำระหว่างทาง

ดอกไม้ริมทาง

อช.ภูจองนายอยนี้มีที่เที่ยวอยู่มากนะครับ เหมาะกับการมาท่องเที่ยวแบบค้างคืนนะครับ เพราะจะทำให้เราเที่ยวได้ครบนะครับ ตอนแรกพวกเราก็คิดว่าจะค้างซักคืนครับ แต่ดูไปดูมาก็เห็นว่าแต่ละที่คงต้องใช้เวลา กลัวว่าจะมีเวลาไม่พอ เราก็เลยได้เที่ยวแบบ day trip ครับ

น้ำตกห้วยหลวง
น้ำตกที่ใหญ่มากๆ(เกินความคาดหมายมากๆ) เราต้องเดินลงบันได เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับน้ำตกมากขึ้นนะครับ บันได้ก็แค่ราวๆ 200 กว่าขั้นเองครับ ไม่ไกลเลย เฮ้อ! ขณะเดินก็จะมีน้ำกระเซ็นสายตลอดเวลานะครับ เปียกปอนกันพอใช้ทีเดียว ไม่นานเราก็มาถึงข้างล่างนะครับ น้ำจำนวนมากไหลตกลงมาเสียงดังไปทั่วบริเวณ ละอองน้ำจำนวนมากสามารถทำให้เราเปียกได้โดยที่เราไม่ต้องลงเล่นในแอ่งน้ำเลยนะครับ อ้อ ที่สำคัญน้ำตกที่นี่มีหาดทรายขาวๆรอรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเล่นน้ำตกด้วยนะครับ สงสัยจะเบื่อน้ำเค็มแล้วก็เลยมีหาดทรายขาวๆที่นี่ด้วย
ยิ่งใหญ่

อลังการ

จัสมินกรุ๊ป

ช่องว่างระหว่างวัย...อุ๊บส์!!!

เกยตื้น?

ชุ่มชื่น

ฉ่ำใจ

ลอยฟุ้ง

ทางเดินไปดูธารน้ำเหนือน้ำตก

นี่ไง เหนือสายน้ำ

บูริน?

นอกจากนี้เรายังได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวอีก 2 แห่งรอบอุทยานฯ นั่นคือ แก่งกุเลา ที่มีลักษณะเป็นลานหินลาดเป็นชั้น คล้ายแก่งสะพือ มีผู้คนมาเล่นน้ำที่นี่มากที่เดียวครับ อีกที่คือ ลานหินพลานยาว มีหินงอกจากพื้นเป็นลานกว้างรูปร่างแปลกตา สลับด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และทุ่งดอกไม้นานาชนิดนะครับ และยังมีการล่องแก่งชมสนสามพันปี ผาตาลืม หรือจุดชมวิวภูต่างๆ แต่พวกเราไม่ได้ไปนะครับ เพราะเรามีเวลาน้อยเหลือเกินครับ จากนั้นเราจึงเดินทางออกจากที่นี่ครับ

ที่ไหนถ่ายภาพ ที่นั่นมีเรา

แก่งน้อยๆ

ต้นไม้น้อยๆ

ดอกไม้น้อยๆ

เล็กจริงๆนะ

อาหารกลางวัน

ถ่ายรูปกะคุณครูผู้แนะนำความรู้

ครั้งนี้ถ่ายรูปน้อยมากเลยครับ เพราะเหนื่อยๆเมื่อยๆและไม่ค่อยได้เตรียมตัวน่ะ ถ้ามีโอกาสเจอกันอีกนะ จะเอารูปมาฝากเยอะๆเลยครับ
บางครั้งเราอาจพบว่าหนังสือบางเล่มให้อะไรเราได้มากกว่าความรู้ มันนำพาประสบการณ์ผ่านเข้ามาในความคิดความจำ มันอาจพาเอาสิ่งที่เราไม่เคยได้"เรียนรู้"ให้เราได้สัมผัส พาความข้องใจในบางสิ่งให้กระจ่างแจ้งมากขึ้น อาจสนุกหากเราชอบ อาจหาวนอนหากเราเบื่อ แต่จะมี"ค่า"อะไร หากเราไม่เคยลองสัมผัสมันมากกว่าที่เป็นอยู่ เตือนตัวเองเสมอ เราอ่านได้ซักครึ่งเท่าที่คนเขียน"พยายาม"จะทำหรือป่าว หากคำตอบคือใช่ เราจะได้สิ่งที่เรียกว่า"เรียนรู้"เป็นการตอบแทน แต่หากไม่ เราจะได้เพียงความมืดมิดจากกะลาที่ครอบเราอยู่เท่านั้น...

๗ ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อยากเที่ยวจัง
แต่ตังไม่ค่อยมีอ่ะ ทำไงดี
เพิ่งได้เห็นหน้าแก็งจัสจินชัดชัดก็คราวนี้เอง
มีโอกาสคงได้เจอกันนะค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เพิ่งรู้ว่าเราเป็นแก็งจัสมิน ทริปนี้ยังไม่หมดนินาฝากเขียนต่อด้วยน่ะ อยากอ่าน ตอนนี้มีข่าวแว่วมาว่ากำลังรับสมัครแก๊งจิ๊กโช่ว์อยู่รีบน่ะจ๊ะช้าหมดอดเที่ยวยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่คร้าบ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ลืมบอกไปทริปนี้ไม่แพงอย่างที่คิด ตังไม่ค่อยมีก้อไปได้ ลองไปถามเจ้าของblockน่ะจ๊ะ แล้วจะรู้ว่ามันถูกจิงๆนะจะบอกให้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น้ำใส ไหลเย็น เห็นแล้วอยากไปเล่นน้ำอีกจัง สดชื่นๆ
"บูริน" เหมาะกับเจ้าของบล็อกมากกว่าน้า ม่ะเชื่อลองส่องกระจกดูซิ เอ๊! แล้วตกลงเฉลย "หมากจอง " อยู่ตรงไหนน้า แอบซ่อนไว้ตรงไหนบอกกันบ้างซิจ๊ะ หรือว่าแอบอยู่หลังเจ้าของบล็อก บังซะมิดเชียว เลยมองไม่เห็น อิอิ :P

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หน้าสนุกจัง เมื่อไหร่จะไปที่นี่อีกอ่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นานจังไม่เห็นทริปใหม่ๆเลย รีบๆคลอดน่ะรอดูอยู่

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

กลับมาดูอีกรอบ คิดถึงจัง