ย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พี่ๆเพื่อนๆและน้องๆที่ทำงานของผมก็ถึงเวลารวมตัวไปเที่ยวกันอีกรอบ อันที่จริงก็นานๆจะไปกันครบกลุ่มใหญ่ซักที ออกจะยากอยู่สักหน่อยเนื่องจากข้อจำกัดในการทำงานค่อนข้างเยอะ แต่อย่างนั้นทุกคนก็พยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อจะได้ไปเที่ยวแบบพร้อมหน้ากันซักที(จริงดิ?!)
และแล้วเราก็พบกับที่ๆค่อนข้างใกล้กับกรุงเทพฯเผื่อไว้ว่าเราอาจได้กลับมาทำงานตอนดึกทัน สุพรรณบุรีอาจไม่อยู่ในแผนที่ๆเราจะไป เนื่องจากรอบข้างกรุงเทพมีอีกหลายจังหวัดให้เราเลือก แต่มันกลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันทีเมื่อพี่คนหนึ่งถามว่า "เคยไปตลาดสามชุกไหม ได้ข่าวว่าเก่ามาก ไปดูของเก่าๆกัน" (โอ้! คนกรุงเทพนี่จริงๆเลย) และเนื่องจากหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนก็เป็นคนชอบอะไรที่เรียกว่า ยิ่งเก่ายิ่งดี มันคลาสสิกจะตาย(เธอให้เหตุผล)
เมื่อข้อมูลพร้อม เวลาพร้อม รถโดยสารพร้อมและคนพร้อม เราจึงเดินทางกันเป็นขบวนเชียว(รถ 3 คัน คนรวมๆกว่า 10 ชีวิต) หากขับเรื่อยไปตามทางผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี ขับต่ออีกชั่วครู่ก็จะพบป้ายใหญ่เบ้อเริ่มบอกเราว่าถึงตลาดสามชุกแล้ว( ตัวตลาดต้องขับเข้าซอยไปอีกหน่อย)
โชคดี?(อย่างมาก) ที่เราได้วันหยุดตรงกับวันหยุดของคนอื่นๆ ทำให้ตลาดเก่าแห่งนี้ดูคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาเด็กเล็กยันผู้หลักผู้ใหญ่ก็มาเบียดเสียดยัดเยียดเพื่อชื่นชม(แกมเหยียดหยาม ว่าแถวบ้านฉันก็มี)ตลาดเก่าแห่งนี้ แต่จะว่าไปมันก็สร้างสีสันให้กับตลาดแห่งนี้ได้ไม่น้อย เมื่อตัวบ้านเรือนดูเก่า สีโดนแดดเลียเสียจนซีดจาง มันคงผ่านร้อนหนาวมานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนผู้คนด้านล่างกลับแต่งตัวประชันโฉม สีสันบาดตา แฟชั่นจ๋า จนบ้านที่ว่าโทรมทรุดอยู่แล้ว ดูจะเป็นมากกว่าเก่าเสียอีก
กว่าจะถึงก็เที่ยงแล้ว หิวก็หิว ร้อนก็ร้อน แต่มาเที่ยวแล้ว เราก็ต้องเต็มที่กันหน่อยอ่ะนะ
หลังจากกินข้าวกลางวันที่ร้านกาแฟท่าเรือส่งแล้ว ก็ได้เวลาเดินจ่ายตลาดกันแล้วครับ ขนมเอย ของเล่นเอย สภาพบ้านเรือน หรือแม้แต่หีบห่อการบรรจุของขาย ส่วนใหญ่ก็จะเน้นสมัยเก่าค่อนข้างมากนะครับ ส่วนหนึ่งคงต้องบอกว่าตื่นตาแกมตื่นเต้นกันเลยทีเดียว เพราะบางอย่างก็เก่ามากๆขนาดหาดูได้ยากแล้วนะครับ แต่บางอย่างก็เหมือนเคยผ่านตาตอนผมเป็นเด็กนะ(เอ่อ...ผมแก่แล้วเหรอเนี่ยะ)
เดินได้ซักพักนะครับ ก็มาสะดุดกับบ้านพักของท่านขุนข้าราชการไทยสมัยก่อน(ลูกหลานท่านเปิดให้เข้าชมฟรีนะครับ) ภายในก็ดีนะผมว่า มีทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น เรือนชาน รวมไปถึงเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆที่ดูโบราณอย่างมาก มีรูปท่าน เจ้าขุนมูลนาย เรียงรายให้เราชื่นชมถึงความงดงามที่ดำรงอยู่มานานนับศตวรรษนะครับ
นอกจากนี้เรายังพบเห็นสถานที่สำคัญๆบริเวณตลาดด้วยนะครับ ตัวอย่างก็เช่นบ้านโค้ก ซึ่งภายในก็เต็มไปด้วยสัญลักษณ์โค้กที่อยู่ตามสิ่งของต่างๆมากมาย เก่าใหม่ปะปนกันเยอะแยะนับไม่ถ้วนเลยครับ แต่ที่นี่คนก็เยอะมากเช่นกันนะครับ เพราะว่าที่นี่ติดแอร์ล่ะ อิอิ...อ้อที่บ้านโค้กน่ะคิดค่าเข้านิดหน่อยด้วยนะครับ เดินต่อมาอีกหน่ยอก็ต้องแวะเข้าพักโรงแรมเพราะเหนื่อยเหลือเกินแล้ว แต่โณงแรมที่นี่มีร้านเล็กๆให้นั่งพักและดื่มกาแฟด้านล่างเท่านั้นนะครับ เพราะว่าด้านบนน่ะ เขาเปิดให้ชมโรงแรมสมัยโบราณ ห้องหับเก่าคร่ำคร่าและผุพังไปตามกาลเวลานะครับ แต่เมื่อนึกถึงสมัยก่อน การเดินทางแสนไกล รถราหายาก ผมว่าได้เตียงนอนและหมอนซักใบก็เพียงพอแล้วนะครับ ว่าไหม?
ว่าไปแล้วหากไปสามชุกไม่ได้ของเก่าๆติดไม้ติดมือกลับไปล่ะก็ จะแปลกๆนะครับ เพื่อนผมที่ไปด้วยกันก็หอบหิ้วซะเยอะเชียว เพราะส่วนใหญ่นอกจากจะได้มาชื่นชมกับความ"เก่าแก่"กันแล้ว เด็กสมัยใหม่ หรือผู้ใหญ่สมัยเก่า ก็ล้วนแล้วแต่ถวิลหาอดีตที่ผ่านเลยกันทั้งนั้น ช่วงเวลาเก่าก่อนเรื่อยมาถึงณ.เวลานี้ มันช่างนานแสนนาน แต่สำหรับบางคนก็ว่ามันเหมือนกับเพิ่งผ่านไปไม่นานนี่เอง สุดท้ายแล้ว เราอาจมองอดีตผ่านสิ่งต่างๆรอบตัว อาจเป็นของใช้ ของเล่น บ้านเรือนหรือรูปภาพเก่าๆ เพื่อวันหนึ่งอดีตอาจหวนกลับมาให้เรานึกถึงได้ โดยไม่มีเบื่อ...